ในยุคที่พฤติกรรมของลูกค้ากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่ยังยึดมั่นอยู่กับวิธีการเก่าหรือไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับความต้องการใหม่ ๆ จะเสี่ยงที่จะตกหล่นจากตลาดไปอย่างรวดเร็ว จริงอยู่ที่การตามเทรนด์เป็นสิ่งที่สำคัญแต่การเข้าใจว่าเทรนด์ไหนที่จะยังคงอยู่และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในระยะยาวเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า วันนี้ Oakmega ขอนำเสนอเทรนด์ธุรกิจที่ไม่ควรมองข้ามในปี 2025 ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน มาดูกันว่าเทรนด์ไหนที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณปรับตัวได้อย่างทันท่วงที และไม่พลาดโอกาสสำคัญไป!
- Platform Cost Trap: ยอดขายพุ่ง แต่กำไรหาย เพราะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นแพง
จากการขยายตัวอย่างร้อนแรงของตลาดออนไลน์ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวมามีหน้าร้านออนไลน์มากขึ้น แต่จะทำอย่างไรเมื่อหลายแพลตฟอร์ม E-Marketplace ก็มีการปรับค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มแล้วยังมีค่าเข้าร่วมแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายของทางร้านอีกด้วย โดยในปี 2025 E-marketplace เจ้าดังอย่าง Shopee ได้ปรับค่าธรรมเนียมการขายเป็น 9-11%, Lazada ปรับค่าธรรมเนียมการขายเป็น5-9% และ Tiktok ปรับค่าธรรมเนียมการขายเป็น 5.35% ภาระที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับอาจทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ช่องทางของตัวเองในการขายสินค้าไม่ว่าจะเป็นการมี Website เป็นของตัวเองหรือการปิดการขายโดยการใช้Social platform ต่างๆของทางแบรนด์เช่น Facebook, Instagram, Line OA เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมและยังสามารถทำให้แบรนด์ได้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรงอีกด้วย
Social CRM ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มตัวกลางที่มีค่าธรรมเนียมสูง และเพิ่มโอกาสในการรักษากำไรของธุรกิจได้มากขึ้น โดยช่วยให้แบรนด์สามารถบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางของตนเอง นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกกับลูกค้าผ่านการสื่อสารบนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าคุ้นเคยและไว้วางใจ
.png)
Social CRM ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มตัวกลางที่มีค่าธรรมเนียมสูง และเพิ่มโอกาสในการรักษากำไรของธุรกิจได้มากขึ้น โดยช่วยให้แบรนด์สามารถบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางของตนเอง เช่น LINE OA, Facebook และ Instagram นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกกับลูกค้าผ่านการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติบนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าคุ้นเคยและไว้วางใจ
- Omnichannel experiences: มอบประสบการณ์ไร้รอยต่อแก่ลูกค้าคนสำคัญ
ในสภาวะทุกธุรกิจต่างแข่งขันกันเพื่อสร้างการรับรู้(awareness)และผลักดันยอดขาย การมีสินค้าที่มีคุณภาพและการวางกลยุทธ์การขายที่มีประสิทธิภาพถือเป็นพื้นฐานที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ ‘ประสบการณ์การซื้อ’ ซึ่งเป็นหัวใจที่จะทำให้ลูกค้าอยู่กับเราไปตลอด Omnichannel Experiences คือแนวคิดในการมอบประสบการณ์การซื้อที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) ให้กับลูกค้า ผ่านการผสานช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของแบรนด์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อให้ลูกค้าสามารถสลับเปลี่ยนช่องทางได้อย่างสะดวกโดย Omnichannel experiences สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกธุรกิจ เช่น ในอุตสาหกรรมรถยนต์ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียด นัดซ่อมหรือนัดดูรถผ่านหลายช่องทาง เช่นLine OA, เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงในระบบเดียวกัน เพื่อให้พนักงานสามารถดูข้อมูลการนัดหมายและประวัติการติดต่อได้ทันที ไม่ว่าจะติดต่อผ่านช่องทางใด ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนวันหรือสาขาได้โดยข้อมูลจะอัปเดตทันทีในทุกช่องทาง เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมความงาม ลูกค้าสามารถทำการนัด เปลี่ยนแปลงวัน หรือย้ายสาขาที่เข้ารับบริการได้โดยไม่ต้องมีการกรอกข้อมูลใหม่
Social CRM คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างประสบการณ์ Omnichannel ได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะสามารถรวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางไว้ในที่เดียว ไม่ว่าลูกค้าจะทักมาทาง LINE OA, Facebook หรือช่องทางอื่น ทีมงานก็สามารถดูประวัติการติดต่อและให้บริการต่อเนื่องได้ทันทีโดยไม่สะดุด ช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และช่วยให้การสื่อสารแม่นยำยิ่งขึ้น ลูกค้าจึงรู้สึกว่าได้รับการดูแลแบบใกล้ชิดและใส่ใจในทุกจุดสัมผัสอย่างแท้จริง
- Sustainability marketing: เมื่อการตลาดเป็นมากกว่าแค่การส่งเสริมการขาย
อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันคือการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainable Marketing) โดยแบรนด์จะวางตำแหน่งตัวเองและทำการตลาดให้เป็นที่จดจำในฐานะแบรนด์ที่ส่งเสริมคุณค่าและใส่ใจสิ่งแวดล้อมเช่น การไม่ทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ การผลิตสินค้าจากวัสดุรีไซเคิล หรือการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นต้น
ในปัจจุบันแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ให้ความสำคัญกับแนวทางด้านความยั่งยืนมากขึ้น เช่น แบรนด์เสื้อผ้าฟาสแฟชั่นอย่าง ZARA ที่ประกาศตั้งเป้าลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต เช่น การย้อมผ้าให้ได้ 25% ภายในปี 2025 เมื่อเทียบกับปี 2020 และมุ่งเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล โดยตั้งเป้าว่า 25% ของวัสดุที่ใช้ในการผลิตจะต้องเป็นวัสดุรีไซเคิลภายในปี 2030 เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งการทำการตลาดแบบยั่งยืนอาจทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแบรนด์หรือมีทัศนคจิกับแบรนด์ในทางที่ดีขึ้น
Social CRM มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการตลาดแบบยั่งยืน ช่วยให้แบรนด์สื่อสารความตั้งใจ ความโปร่งใส และกิจกรรมด้านความยั่งยืนกับลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมติดตามความสนใจและความคิดเห็นของลูกค้าในประเด็นสิ่งแวดล้อมหรือสังคม เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์หรือแคมเปญที่สอดคล้องกับค่านิยมของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังช่วยให้แบรนด์รับฟังเสียงลูกค้าแบบเรียลไทม์ สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และวางตำแหน่งแบรนด์ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
- การผลักดัน Key Opinion Customer(KOC): กลยุทธ์การบอกต่อที่จริงใจ
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อมูลจากประสบการณ์ตรงมากกว่าข้อความโฆษณาทั่วไป การรีวิวที่จริงใจจากผู้ใช้จริงจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคจึงทำให้แบรนด์ต่างๆเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการผลักดัน Key Opinion Customer (KOC) มากยิ่งขึ้น
KOC คือผู้บริโภคที่มีประสบการณ์ตรงกับสินค้าและบริการ โดย KOCจะผลิตคอนเทนท์ถ่ายทอดเรื่องราวและความประทับใจอย่างเป็นธรรมชาติให้กับกลุ่มผู้ติดตามที่เชื่อถือในตัวพวกเขา ความใกล้ชิดระหว่าง KOC กับผู้ติดตามทำให้การรีวิวมีสินค้ามีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือมากกว่าการสื่อสารผ่านสื่อโฆษณาทั่วไป ด้วยบทบาทดังกล่าว KOC จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญและเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการตลาดที่แบรนด์ไม่ควรมองข้ามที่จะช่วยเชื่อมต่อแบรนด์กับผู้บริโภคอย่างจริงใจสร้างการรับรู้ในสินค้า และเสริมความสัมพันธ์ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ
Social CRM ช่วยเสริมกลยุทธ์การผลักดัน KOC โดยการเก็บข้อมูลจากการโต้ตอบของลูกค้าผ่าน LINE OA และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Facebook และ Instagram ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามพฤติกรรมและความคิดเห็นของผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อวางกลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ รวมถึงค้นหาและระบุกลุ่ม KOC ที่มีศักยภาพได้แม่นยำยิ่งขึ้นจากข้อมูลลูกค้าหลายช่องทาง
- Brand loyalty: เมื่อการกลับมาของลูกค้าคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม คือ การซื้อซ้ำ (Retention) และ ความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) เพราะในยุคที่การแข่งขันดุเดือด ทุกแบรนด์ต่างพยายามแย่งชิงความสนใจจากผู้บริโภค คำถามสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้ง?
แน่นอนว่า คุณภาพของสินค้าและบริการ คือปัจจัยแรกที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ แต่สิ่งที่สร้างความภักดีในระยะยาวได้จริงคือ การทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ตัวเองเป็นคนสำคัญของแบรนด์”
“Do what you do so well that they will want to see it again and bring their friends.” คำพูดของ Walt Disney สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน หากเราสร้างประสบการณ์ที่ดีมากพอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเราให้แก่ลูกค้าจนลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการอีกทั้งยังชวนเพื่อนหรือคนรอบตัวมาด้วย แบรนด์ก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องพึ่งแค่โฆษณา ในปัจจุบันหลายแบรนด์จึงเริ่มใช้เครื่องมืออย่าง โปรแกรม Loyalty มาช่วยสนับสนุนกลยุทธ์นี้ เช่น ระบบสะสมแต้ม ของรางวัลพิเศษ หรือสิทธิประโยชน์เฉพาะลูกค้าประจำ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าและอยากกลับมาอีกครั้ง
.png)
Social CRM สามารถช่วยเสริมกลยุทธ์การสร้างความภักดีและการซื้อซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ข้อมูลที่เก็บจากการโต้ตอบของลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE OA, Facebook, Instagram เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน ผ่าน personalized marketing ที่ส่งข้อเสนอเฉพาะเจาะจง เช่น สิทธิพิเศษในช่วงเดือนเกิดของแต่ละคน หรือโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ Social CRM ยังช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว เพื่อปรับกลยุทธ์การสื่อสารและการบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่มีต่อพวกเขา ส่งผลให้เกิดความภักดีและการซื้อซ้ำในที่สุด
ปี 2025 คือช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับธุรกิจในการปรับตัวตามเทรนด์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มกลาง การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ การทำการตลาดอย่างยั่งยืน การขับเคลื่อน KOC และการรักษาลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Loyalty
Social CRM จาก Oakmega ช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าได้ลึกยิ่งขึ้น ด้วยการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายช่องทาง ทั้ง LINE OA, Facebook, Instagram นำไปสู่การทำ Personalized Marketing ที่ตรงใจ สร้างประสบการณ์เฉพาะตัวในทุกการโต้ตอบ และลดความซ้ำซ้อนในการทำงานด้วยระบบ All-in-One ที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชัน หากคุณสนใจยกระดับกลยุทธ์ด้านลูกค้าสัมพันธ์ด้วย Social CRM สามารถติดต่อพวกเราเพื่อขอคำปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
H1 H1 H1 大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題
H2 H2 H2 大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題
H3 H3 H3 大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題大標題
改掉的字喔!

quote 引言的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份的部份
- 點點點點
- 第二個 item
- 23r2r
- 點點點
- 二案二二兒